15 กันยายน 2552


CHEEZE MAGAZINE


ประวัติความเป็นมา
Thailand - เสน่ห์ ของแฟชั่นบนท้องถนน ความหลากหลายทางความคิดทั้งรูปแบบ สีสัน รสนิยมและสรีระ เปรียบเสมือนเวที และแคทวอล์ค ที่เปิดกว้างทอดยาว ไร้จุดสิ้นสุด ทุกคนสามารถแสดงออกซึ่งความเป็นอิสระ ของตัวเองอย่างแท้จริง จึงเป็นจุดกำเนิดของนิตยสาร CHEEZE ในเวลาต่อมา

คอลัมน์ต่างๆ ใน CHEEZE
นิตยสาร CHEEZE เป็นนิตยสารสำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่มี เนื้อหาเกี่ยวกับแฟชั่น แบ่งออกเป็น 4 Section ได้แก่

CHEEZE ON STREET เป็นภาพแฟชั่นที่นำเสนอผ่านบุคคลที่มีความหลากหลายบนท้องถนน มีรสนิยมดีในแบบของตนเอง ซึ่งเราจะบันทึกภาพของคนเหล่านั้นตามบุคลิกและอารมณ์ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด

SHOPPING เป็นการนำเสนอสินค้าเล็กๆ น้อยๆ ในการแต่งตัวให้ดูดี และเหมาะสมกับบุคลิก

BEAUTY แนะนำความสวยงามตามวัย มีเสน่ห์ในแบบของตนเอง

INTERVIEW เนื้อหาโดยรวมพูดถึงเรื่องเส้นทางก้าวเข้าสู่อาชีพวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นดารา นักแสดง นักร้อง นายแบบ นางแบบ โดยสัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จในวงการ


แผนการตลาด Marketing Plan



สมชาย ชีวสุทธานนท์ (ตี๋ แม็ทชิ่ง)
CEO ของ MATCHING STUDIO
ผู้สร้างสรรค์นิตยสาร Cheeze

มีแผนจะเข้าไปเจาะกลุ่มนักศึกษาเพื่อให้มาเป็นสมาชิกของ Cheeze มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้รู้จักคิด รู้จัก Mix & Matchให้ตัวเองดูดี มีตัวตน มีคาแร็กเตอร์ของตัวเองที่ชัดเจน

เพื่อให้นักศึกษารู้จัก Cheezeมากขึ้น โดยจะเข้าไปเฟ้นหาดาวมหาลัย คนที่มีความเด่น มีไอเดียดี คาแร็กเตอร์ชัดเจน ให้มามีส่วนร่วมกับ Magazine


SWOT Analysis

Strengths (จุดแข็ง)
•ทีมงานมีความรู้และและความสามารถ
• มีประสบการณ์จริงในการเข้าไปคลุกคลีกับพฤติกรรมของวัยรุ่น

Weakness (จุดอ่อน)
•เนื้อหาสาระมีค่อนข้างน้อย

Opportunities (โอกาส)
•ทำ สตูดิโอ เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้สนใจเรื่องแฟชั่นมากขึ้น

Threats (อุปสรรค)
•คู่แข่งทางการตลาดมีค่อนข้างเยอะ

กลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศ
PRODUCT
ลักษณะทางกายภาพ
• นิตยสารวัยรุ่นที่มีความหลากหลายของแฟชั่นบนท้องถนน มีทั้งเรื่องการแต่งตัวและความสวยความงาม
Country of origin
• เป็นนิตยสารสัญชาติไทย

การเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด
• ตั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศนั้นๆโดยแปลเนื้อหาในนิตยสารให้เป็นภาษาประจำชาติก่อนแล้วจึงจัดจำหน่าย
การกำหนดตรายี่ห้อ
• เป็นนิตยสารเพื่อเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง

PRICE
ต้นทุนสินค้า
• 70 บาท (ราคาขายในประเทศไทย)

การตั้งราคาสินค้า
• ตั้งราคาตามนิตยสารที่อยู่ในระดับเดียวกัน

PLACE
โครงสร้างช่องทางจำหน่าย
• ผ่านตัวแทนจำหน่าย พ่อค้าคนกลาง การสมัครสมาชิก และการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต
การเลือกช่องทางจัดจำหน่าย
• ตามร้านหนังสือ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

PROMOTION
• จัดกิจกรรมแบบBelow-the-line
• เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
การเลือกกิจกรรมการสื่อสารการตลาด
• จัดกิจกรรมตาม High School & University ทั่วประเทศ



กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า (Brand strategy)



การจัดกิจกรรมการตลาด ด้วยการไปจัด Event ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ ไปจัดงานตามโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยต่างๆ

มีข้อมูลทางเวบไซต์ ทำให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จัก และจดจำสินค้าได้

การแจกและแถมสินค้า เช่น หนังสือฉบับต่อไป หรือ สมุดโน๊ด

การจัดกิจกรรมการทางการาตลาด หรือ Event Marketing อย่างต่อเนื่อง ทั้งจัดเอง และห้างพันธมิตรเชิญไปจัด ส่วนนอกเมือง ก็มีการเช่าพื้นที่จัดงาน เช่นกัน





นิตยสาร บ้านและสวน


มุ่งเน้นเกี่ยวกับการตกแต่งบ้านและการจัดสวน
นำเสนอข้อมูลความรู้และสาระต่างๆ ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ
และตกแต่งบ้านและสวนครอบคลุมไปถึงไลฟ์สไตล์ งานอดิเรกหรืองานศิลปะ
ยอดพิมพ์ต่อฉบับสูงถึง 270,000 เล่มต่อเดือน
เป็นนิตยสารการตกแต่งบ้านที่ขายดีที่สุดของประเทศไทย

กลุ่มเป้าหมาย
- กลุ่มผู้อ่านหลักจะอยู่ในช่วงวัยทำงานที่อายุประมาณ 30 - 50 ปี ที่กำลังที่จะมองหาบ้านเพื่อสร้างครอบครัวใหม่ ต้องการที่จะต่อเติมบ้าน

- ผู้ทีมีความสนใจในเทคนิคและเกร็ดความรู้ต่างๆ นักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ

แผนการตลาด Marketing Plan

SWOT Analysis

Strengths (จุดแข็ง)
• ทีมงานที่ออกแบบมีความรู้ความสามารถมานาน
• หนังสือมีความน่าเชื่อถือมานานกว่า 32 ปี

Weakness (จุดอ่อน)
- เนื้อหาสาระไม่ครอบคลุมมากเท่าที่ควร

Opportunities (โอกาส)
- มีการทำการประกวดการออกแบบ

Threats (อุปสรรค)
คู่แข่งทางการตลาดมีค่อนข้างเยอะ



กลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศ

PRODUCT
ลักษณะทางกายภาพ
•นิตยสารการออกแบบตกแต่งบ้านและสวนให้สวยงาม เกร็ดความรู้ต่างๆเกี่ยวกับการออกแบบบ้านที่ดี
การเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด
• ตั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศนั้นๆโดยแปลเนื้อหาในนิตยสารให้เป็นภาษาประจำชาติก่อนแล้วจึงจัดจำหน่าย
Country of origin
• เป็นนิตยสารสัญชาติไทย
การกำหนดตรายี่ห้อ
• เป็นนิตยสารเพื่อคนที่ชอบการตกแต่งบ้าน หรือ คนที่ต้องหาซื้อบ้านดูเพื่อเป็นแนวทาง

PRICE
ต้นทุนสินค้า
•95 บาท (ราคาขายในประเทศไทย)
การตั้งราคาสินค้า
• ตั้งราคาตามนิตยสารที่อยู่ในระดับเดียวกัน

PLACE
โครงสร้างช่องทางจำหน่าย
• ผ่านตัวแทนจำหน่าย พ่อค้าคนกลาง การสมัครสมาชิก และการสั่งซื้อทางอินเทอร์เน็ต
การเลือกช่องทางจัดจำหน่าย
• ตามร้านหนังสือ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

PROMOTION
• จัดกิจกรรมแบบ Below-the-line
• เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
การเลือกกิจกรรมการสื่อสารการตลาด
• จัดกิจกรรมตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ เพื่อ โปรโมทย์นิตยสาร



กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า (Brand strategy)

การจัดกิจกรรมการตลาดด้วยการไปจัด Event ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และ ไปจัดงานตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีคณะที่เกี่ยวกับศิลปกรรมศาสตร์ มีข้อมูลทางเวบไซต์ ทำให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จัก และจดจำสินค้าได้ การแจกและแถมสินค้า เช่น หนังสือฉบับต่อไป , สมุดโน๊ด หรือ ของแต่งบ้าน
เล็กๆน้อยๆเป็นของแถม ส่วนนอกเมือง ก็มีการเช่าพื้นที่จัดงาน เช่นกัน




INTERNET


Dek-d.com


ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2542โดยกลุ่มนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ของ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 4 คน
มีจุดมุ่งหมายเพื่อพบปะพูดคุยของเพื่อนวัยเดียวกันจากโรงเรียนต่างๆ ได้มาพบเจอกัน ได้จดทะเบียนดำเนินธุรกิจเว็บไซต์และสื่ออินเทอร์เน็ตในนาม บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ

กลุ่มเป้าหมาย

žเว็บไซท์นี้จะเป็นที่นิยมกันมากเมื่อถึง ช่วงสอบและหลังสอบการเข้ามหาวิทยาลัย โดยจะเป็นที่ตั้งคำถาม ปรึกษาหารือ ช่วยเหลือกันในการเข้าเรียนต่อ
žปัจจุบันนี้ ผู้ใช้เว็บมีหลายวัย มี ตั้งแต่ อายุ 11 ปี ไปถึง 40 กว่าๆ
(ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปกครอง)


แผนการตลาด Marketing Plan

SWOT Analysis

Strengths (จุดแข็ง)
• ทีมงานมีความรู้และและความสามารถ มานาน
• มีประสบการณ์ในการทำเวบไซต์
• เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้มากเพราะทีมงานอายุน้อยแต่มีความสามารถ

Weakness (จุดอ่อน)
เนื้อหาสาระมีอาจจะมีมากเกินไปจนทำให้อ่านไม่หมดหรือข้อมูลบางอย่างอาจถูกมองข้ามไป

Opportunities (โอกาส)
การจัดกิจกรรมต่างๆให้วัยรุ่นได้นำเสนอผลงานผ่านทางเวบไซต์

Threats (อุปสรรค)
เวบไซต์คู่แข่งทางการตลาดมีค่อนข้างเยอะ



กลยุทธ์การตลาดในต่างประเทศ

PRODUCT
ลักษณะทางกายภาพ
•เป็นเวบไซต์ที่มีเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับวัยรุ่น การสอบเอนทรานซ์ รูปภาพดาราวัยรุ่นและเกร็ดความรู้ต่างๆ
การเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด
• ตั้งบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศนั้นๆโดยแปลเนื้อหาในนิตยสารให้เป็นภาษาประจำชาติก่อนแล้วจึงจัดจำหน่าย
Country of origin
• เป็นเวบไซต์สัญชาติไทย
การกำหนดตรายี่ห้อ
• เป็นเวบไซต์ของวัยรุ่น

PRICE
ต้นทุนสินค้า
• แล้วแต่การซื้อเวบไซต์ และ แบนเนอร์

PLACE
โครงสร้างช่องทางจำหน่าย
• ผ่านทางเวบไซต์ www.dek-d.com
การเลือกช่องทางจัดจำหน่าย
• ผ่านทางเวบไซต์ www.dek-d.com

PROMOTION
• จัดกิจกรรมแบบ Below-the-line
• เน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด
การเลือกกิจกรรมการสื่อสารการตลาด
• จัดกิจกรรมตามต่างๆผ่านทางเวบไซต์ http://www.dek-d.com/




กลยุทธ์การสร้างตราสินค้า (Brand strategy)

การจัดกิจกรรมการตลาดด้วยการโฆษณาเวบไซต์ผ่านสื่อวิทยุทำให้แบรนด์ สินค้าเป็นที่รู้จัก และมีผู้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง การทำโปรโมชั่นโดยการจัดการประกวดการตกแต่งเวบไซต์
การจัดการประกวดตามวันสำคัญต่างๆ เช่น วันแม่ หรือ เปิดโอกาสให้คนที่ สนใจการเขียนส่งผลงานเข้าประกวดผ่านทางเวบไซต์

ประเทศที่น่าลงทุน
ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม
ฮ่องกง ไต้หวัน

รูปกิจกรรมต่างๆใน BU Open House

อลังการแบบ "Bu Creative Open House” กิจกรรมเปิดบ้าน ม.กรุงเทพ


อลังการสุดๆ ครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์ของชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับงาน “Bu Creative Open House” ระหว่างวันที่ 20-22 สิงหาคม 2552 กิจกรรมเปิดบ้านแนะนำมหาวิทยาลัย ชวนน้องๆ นักเรียนมัธยมปลาย อาจารย์และผู้ปกครองมาร่วมสนุกทางความคิดทางการศึกษา และความหลากหลายทางวิชาการ ทั้ง 9 คณะ 34 สาขาวิชา เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับตัดสินใจเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา.....

สำหรับบรรยากาศกิจกรรมภายในงานเต็มไปด้วยสีสันของเหล่ารุ่นพี่แต่ละชั้นปี ที่มาช่วยจัดŬ9;สดงผลงานมากมาย เริ่มต้นที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่พกพา หุ่นยนต์สุดไฮเทค เจ้าของแชมป์นานาชาติ Robocon’99 “ พร้อมด้วย กิจกรรม Pre Engineer Workshop การตัดต่อภาพ VDO ด้วยคอมพิวเตอร์ , 2D Game Maker ,Special Effect และการผลิตไบโอดีเซลด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

       คณะบัญชี คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะบริหารธุรกิจ ไม่รอช้าหยิบเอาความรู้เล็กๆ น้อย ไม่ว่าจะเป็นเกมส์หุ่นจำลอง ทดลองเป็นเศรษฐี ประลองเกมส์เด็กสร้างบ้าน พร้อมด้วยแบบทดสอบบุคลิกภาพกับอาชีพที่ใฝ่ฝัน

       ส่วนคณะนิเทศศาสตร์ ไม่น้อยหน้าเช่นกัน มีโชว์สุดแจ่ม ไม่ว่าจะเป็น ลิเกอินเตอร์จากวิทยาลัยนานาชาติ, เวทีบันลือโลกกับการแสดง “Chicago” ,เปิดห้องข่าว Bu Channel ประกาศรับอาสาสมัครผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ และสาธิตการถ่ายแบบโฆษณา และขึ้นปกนิตยสาร 

    

       คณะศิลปกรรมศาสตร์นำผลงานแฟชั่นโชว์มาร่วมสร้างสีสันบนเวทีและคณะนิติศาสตร์มาร่วมจัดกิจกรรมการแข่งขัน ตอบปัญหากฎหมายน่ารู้ พร้อมด้วยสาระความรู้ด้านกฎหมาย 

       คณะวิทยาศาสและเทคโนโลยี เปิดการอบรมเทคนิคการใช้โปรแกรม Phoshop CS การสร้าง Blog ในระดับขั้นเทพ และทำความรู้จัด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ 

       คณะมนุษยศาสตร์ อาศัยเรือนไทย บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัย จำลองเป็นโรงแรมŦ6;นาดย่อม พร้อมทั้งสาธิตการตั้งโต๊ะอาหาร การสาธิต Mix Drink กิจกรรมนวดแผนโบราณ และการแข่งขันตอบปัญหาทางด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม



       โทนี่ฐาปกรณ์ อ่องรุ่งเรือง Ũ9;ักศึกษาชั้นปี 3 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มกท. บอกว่า กิจกรรมวันนี้ได้รับความสนใจจากน้องเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหุ่นยนต์สุดไฮเทค ที่นำพาความสามารถมาให้ชมกันแบบใกล้ชิด

      

       รู้สึกภูมิใจที่น้องๆ ให้ความสนใจคณะวิศวกรรมศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะมีสาขาวิชาหรือตัวเลือกที่น้อย แต่เราก็มีระบบการเรียนการสอนที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ โดยเฉพาะสาขาวิชาวิศวกรรมมัลติมีเดียและระบบอินเทอร์เน็ตที่กำลังได้รับความใจอยู่ในขณะนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนที่มีความชอบและความสนใจของแต่ละคน"













      

 





BU Open House








25 สิงหาคม 2552

Ogilvy & Mather

From Wikipedia, the free encyclopedia 

Ogilvy & Mather is an international advertising, marketing, and public relations agency based in New York City and owned by the WPP Group. The company operates 497 offices in 125 countries around the world and employs approximately 16,000 professionals.

Ogilvy & Mather has seven divisions: (CRM and interactive), OgilvyInteractive (interactive; under OgilvyOne), Neo@Ogilvy (digital and direct media; under OgilvyOne), Ogilvy PR (public relations), Ogilvy Healthworld (health care communications and marketing), and OgilvyAction (consumer promotion and experiential marketing).

The chairperson of Ogilvy is Rochelle B. (Shelly) Lazarus, who has held the position since 1996. She was also CEO until the end of 2008, when she was succeeded by Miles Young.


History

Ogilvy & Mather was founded in 1948 by David Ogilvy, as "Hewitt, Ogilvy, Benson & Mather." The company became a leading worldwide agency by the 1960s.[citation needed] Central to its growth was its strategy of building brands like American Express, BP, Ford, Barbie, Maxwell House, IBM, Kodak, Nestlé and Unilever brands Pond's & Dove. 

Integrated in the firm's corporate culture is Ogilvy's concept of "360 Degree Brand Stewardship", defined as "a willingness to use the broadest array of tools and techniques to understand, develop and enhance the relationship between a consumer and a brand." 

Shona Seifert and Thomas Early, two former directors of Ogilvy & Mather, were convicted in 2005 of one count of conspiring to defraud the government and nine counts of filing false claims for Ogilvy overbilling adverstising work done for the US Office of National Drug Control Policy account. In an email, Seifert stated "I'll wring the money out of [the ONDCP], I promise". Seifert and Early were sentenced to 18 and 14 months in prison, respectively. Seifert was also ordered to pay a $125,000 fine, in addition to writing a "code of ethics" for the ad industry as part of 400 hours of community service. Ogilvy & Mather repaid $1.8 million to the government to settle a civil suit based on the same billing issues and continues to produce anti-drug spots for the government.



In 2004 the OgilvyOne division launched a digital summit called Verge.[7]. This has become a major agency-led forum for clients and industry experts to discuss the challenges and possibilities of digital marketing. The agency has taken the conference to over 20 of the world's leading markets.[8] In documents made available to the public through the tobacco industry's 1998 Master Settlement Agreement, Ogilvy and Mather played a key role in promoting the image of the Tobacco Institute.



05 สิงหาคม 2552

Best Global Brands2008 Rankings

วิเคราะห์ เปรียบเทียบ 3 Brand Sector Media

Disney

เวทมนต์ได้จนตรอกแล้วสำหรับ Disney เนื่องจากdisneyได้นั่งเบาะหลังเกินไปนิดหนึ่ง สำหรับหุ้นส่วน และเป้าหมายหลักของdisneyเองก็ห่างเกินไป แต่ยังไงก็ตามปรากฎการของ "high school musical" ก็ยังคงสร้างความตื่นเต้นไม่รู้จบ จนถึงตอนนี้ก็ยังสร้างกระแสแห่งเสียงเพลงไม่ เลิก ไม่ใช่แค่นั้นยังได้ผลสำเร็จที่สวยงามให้แก่หุ้นส่วนอีกด้วย pixar ณ ตอนนี้ที่ผู้บริโภคกำลัง upgrade tv HD, disneyจะเห็นการขายที่ดีจาก back catalogue จะได้ตีตัวออกห่างจากกำไรที่ลดลงกับหนัง ที่ออกมาในช่วงนี้ ถ้าอยากทำให้ brandไปไกลกว่านี้ Disneyควรจะจับมือกับตลาดสมัยใหม่ ที่กำลังโตและปรับ product เพื่อที่จะชนะใจครอบครัวและตลาดสมัยใหม่ที่มีวัฒนธรรมกว้างมาก
โดยสองพี่น้องดิสนีย์ วอลต์ ดิสนีย์ และพี่ชาย รอย ดิสนีย์ เริ่มก่อตั้งจากการเป็นสตูดิโอ ทำภาพยนตร์การ์ตูนในฮอลลีวูด และขยายกิจการเพิ่มเติมโดยในปัจจุบันมีสวนสนุก 11 แห่ง และสถานีโทรทัศน์หลายสถานี รวมถึง เอบีซี และ อีเอสพีเอ็น สำนักงานใหญ่ของดิสนีย์ตั้งอยู่ที่ วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ ที่เมืองเบอร์แบงก์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สัญลักษณ์ทางการของดิสนีย์คือ มิกกี เมาส์ ประสบความสำเร็จทางด้านความมหัศจรรย์ ความบันเทิงทั้งการ์ตูน ภาพยนตร์ สวนสนุก เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมานานและเป็น Best global brands 2008 rankings 9 

THOMSON REUTERS

สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) คือผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินและรายงานข่าวต่างๆ ให้แก่สำนักข่าวต่างๆของโลก ประสบความสำเร็จทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเป็นแบรนด์ที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากเป็นแบรนด์ที่เข้ามาใหม่และประสบความสำเร็จและเป็น Best global brands 2008 rankings 44 โดยการที่เข้ามาอยู่ในอันดับเป็นครั้งแรก และการควบรวมกิจการประชาสัมพันธ์และ rebranding ของรอยเตอร์สทอมสันได้สร้างหนึ่งใน strongest playersในอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ใน ภูมิภาคเติบโตสูงเช่นอินเดียจีนและตะวันออกกลาง. จะต้องใช้เวลาสำหรับแบรนด์เข้าถึงความจริงที่อาจเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม restructures ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ด้วยบริการใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นสำหรับอุปกรณ์ เคลื่อนที่และชาญฉลาดยิ่งขึ้นการจัดการข้อมูล

MTV

ถือเป็นแบรนด์ที่วัยรุ่นทั่วโลกทุกคนจะต้องรู้จัก เมื่อพูดถึง MTV ทุกคนนึกถึง สถานีแห่งเสียงเพลงซึ่งเกิดขึ้นเป็นคนแรกตั้งแต่ปี 1981 โดยมาพร้อมๆกับเพลงป๊อป จนกระทั่งในปี 2001 MTV มีผู้ชมทั่วโลกกว่า 342 ล้านครอบครัวจาก 140 ประเทศ สถานีเพลงแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมๆกับการสร้างคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็น Best global brands 2008 rankings 52 


INTERBRAND - MTV


History of MTV

เอ็มทีวี (MTV) ย่อมาจาก Music Television เป็นสถานีโทรทัศน์สำหรับวัยรุ่น โดยมีบริษัทแม่อยู่ที่ นิวยอร์ก แรกเดิมจะเน้นเปิดมิวสิกวีดีโอ ต่อมาเพิ่มความหลายหลาย สร้างเรียลลิตี้โชว์จำนวนมากและงานอวอร์ดส ต่างๆโดยเอ็มทีวีได้กลายเป็น Pop Culture ของวัยรุ่นอเมริกัน และทั่วโลกในเวลาต่อมา
เอ็มทีวีออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1981 ตั้งแต่ที่เอ็มทีวีได้ออกอากาศ มีสโลแกน

"I want my MTV" ที่เป็นที่จดจำ, คอนเซ็บของวีเจเป็นที่รู้จักและแพร่หลาย,การแนะนำเพลงผ่านมิวสิกวิดีโอ,เป็น ศูนย์กลางระหว่างแฟนเพลงและตัวศิลปิน รวมถึงเป็นศูนย์กลางของข่าวสารดนตรี เทศกาลดนตรี การประชาสัมพันธ์ เอ็มทีวีได้มีบทบาทต่ออุตสาหกรรมดนตรีเป็นอย่างมาก

  เอ็มทีวีถือเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดจากบทสรุปของ BusinessWeek กลับยกให้ MTV ด้วยจำนวนผู้ชมสูงถึงกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก[1]MTV คือบริษัทที่เริ่มต้นจากการจับมือของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่คือ Warner Brother กับ American Express หรือ AMEX รวมเรียกบริษัทใหม่นี้ว่า Warner Amex Satellite Entertainment Company (WASEC) โดยมี Jack Schneider เป็นประธาน ซึ่งเขามองว่า ช่องรายการเคเบิลที่เปิดแต่มิวสิกวิดิโอ ถือเป็นโอกาสที่ดี โดยเขาให้เหตุผลในครั้งเริ่มต้นกิจการว่า

“ถ้าคุณมี DJ ไมโครโฟน เครื่องส่งสัญญาณ และเพลงดังๆในกระเป๋าซัก 40 เพลง คุณก็สามารถมีสถานีวิทยุเป็นของตัวเองได้ แล้วทำไมเราจะไม่เอา DJ มาออกทีวีซะเลยละ?”

ขณะที่ Steve Casey ผู้กำกับสถานีในยุคเริ่มต้นเล่าความหลังให้ฟังว่า “มีแรงกดดันมหาศาลที่ทำให้เราต้องทำในสิ่งที่แตกต่าง แต่สิ่งที่ทำจะต้องมีความเป็นไปได้ ในที่สุดเราก็ได้ MTV แม้ว่าไอเดียนี้จะดู “เจ๋ง” แต่กลับไม่มีใครซักคนเลยที่จะพูดว่า “มันดีนี่” แม้แต่ผมเองก็ไม่ชอบแนวคิดนี้เท่าไหร่ แต่ในที่ประชุมก็ไม่มีใครที่จะเสนอไอเดียที่ดีกว่านี้อีกแล้ว และนี่คือ จุดเริ่มต้นของ MTV” 

  ขณะที่โลโก้นั้นถูกออกแบบจากนักออกแบบอิสระชื่อ Patti Rogoff ซึ่งเขานำตัวเอ็มเป็นตัวบล๊อกๆแบบ 3 มิติ กับคำว่า TV ที่ดูคล้ายๆกับกิ่งไม้ทาบกัน โดยทาง MTV เลือกที่จะเปิดตัวโลโก้ โดยนำภาพเมื่อครั้งที่ Neil Armstrong เหยียบดวงจันทร์เป็นการเปิดตัวโลโก้  

Tom Freston CEO คนปัจจุบันให้ความเห็นว่า “เรารู้ว่า เราต้องการสัญลักษณ์ที่แตกต่างออกไปจากที่เคยเห็นในทีวีทั้งหมด แต่เรารู้ว่าเราไม่มีเงิน เราจึงเลือกที่จะไปที่ Nasa พร้อมกับขอรูปนั้นมาทำการติดโลโก้เข้าไปในธงสหรัฐที่ปักบนดวงจันทร์ ผมคิดว่า นี่แหละคือแนวคิดแห่ง ร๊อกแอนด์โรลอย่างแท้จริง นั่นคือ เราเอาเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติมาฉีกมันออกเป็นชิ้นๆซะ”
  ขณะที่ Sue Steinberg โปรดิวเซอร์ อธิบายแนวคิดเกี่ยวกับการเลือก VJ ว่า “เราต้องการ VJ ที่ เป็นส่วนหนึ่งกับผู้ชม อืมม... คือต้องเป็นคนที่ไม่เคยพูดในรายการว่า สวัสดีครับ ขอเชิญท่านผู้ชมรับชมรายการจากเรา แต่จะต้องเป็น เฮ้ย! เราจะมานั่งเป็นเพื่อนผู้ชมไปซัก 2-3 ชั่วโมงนะ ประเด็นสำคัญก็คือคำว่า “อยู่กับคุณ” เพราะเราต้องการให้ผู้ชมมาร่วมมันส์ไปด้วยกันมากกว่า” โดย VJ ในยุคเริ่มต้นจะมีตั้งแต่ดารา DJจาก สถานีวิทยุ รวมไปถึงคนหนุ่มสาวหน้าใหม่ๆ ห้องอัดก็จัดแต่งให้เหมือนกับห้องนอนวัยรุ่นเล็กๆ ธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือ ในห้องอัดนั้นจะต้องมีสิ่งที่น่าสนใจ นอกจากนี้ VJ จะ ต้องมีบุคลิกภาพที่เพิ่มคุณค่าให้แก่รายการ ไม่ว่าเขาจะไปสัมภาษณ์นักร้อง หรือจะทำอะไรก็ตาม เพราะหมายความว่า พวกเขากำลังแนะนำแบรนด์และสร้างจุดเด่นให้กับแบรนด์อีกด้วย 
เอ็มทีวีไทยแลนด์


เอ็มทีวีไทยแลนด์ (MTV Thailand) เป็นสถานีโทรทัศน์ทางดนตรีในประเทศไทย ภายใต้การบริหารของบริษัท เวรี่ อินคอโปเรชั่น จำกัด ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 โดยรายการแรกที่ออกอากาศคือรายการ เอ็มทีวีไทยแลนด์ฮิตลิสต์ ดำเนินรายการโดย วีเจแองจี้ ส่วนมิวสิกวิดีโอเพลงแรกที่เปิดคือ เพลงพันธ์ทิพย์ ของโลโซ สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของเอ็มทีวีไทยแลนด์คือวัยรุ่นกินอาณาเขตตั้งแต่วัย รุ่นตอนต้น-ตอนปลาย อายุตั้งแต่ 12-25 ปี และกลุ่มเป้าหมายรองคืออายุตั้งแต่ 25-35 เอ็มทีวีไทยแลนด์ออกอากาศครั้งแรกบนช่อง 49 เครือยูบีซี ต่อมาย้ายมาช่องยูบีซี 32 ต่อมา เอ็มทีวีไทยแลนด์ประกาศย้ายการออกอากาศในไทยวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 จากเคเบิลทีวี ช่องทรูวิชั่นส์ไปแพร่ภาพทางทีวีดาวเทียม ดีทีเอช[1] หรือรับชมผ่านเคเบิลทีวีท้องถิ่น ขณะนี้เอ็มทีวีไทยแลนด์ ได้ย้ายการออกอากาศจากสไมล์ทีวี เน็ตเวิร์ค โดยได้กลับมาออกอากาศ ทาง ทรูวิชั่นส์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 ภายใต้การดูแลของบริษัท เวรี่ อินคอโปเรชั่น จำกัด ปัจจุบันอยู่ช่องทรูวิชั่นส์ 33ปี นอกจากการออกอากาศทางช่องสถานี เอ็มทีวีไทยแลนด์ยังมีกิจกรรมคอนเสิร์ต งานเทศกาลดนตรี อีกทั้งยังมีโครงการและกิจกรรมการกุศลต่าง ๆ
MTV ออนแอร์ รายการของ MTV ก็ ทำเช่นเดียวกับรายการวิทยุ คือเปิดเพลงฟรี และรอรายรับจากยอดขายโฆษณา โดยมีเงินทุนเพียง 25 ล้านเหรียญ แต่ในตอนแรกๆนั้น ค่ายเพลงต่างๆกลับอิดออดที่จะให้มิวสิกวิดิโอของตนไปเปิดที่ MTV เพราะพวกเขาคิดว่า บริษัทลงทุนผลิตมิวสิกวิดีโอขึ้นมาแพงมาก ในตอนแรก MTV มีมิวสิกวิดีโอเพียงแค่ 250 เพลงเท่านั้น Jack ให้ความเห็นว่า

“พวกค่ายเพลงต่างๆเกลียดเรามาก เพราะพวกเราต้องการที่จะเปิดมิวสิกวิดีโอของพวกเขาฟรีๆ เขาบอกกับเราว่า พวกคุณเดินทางมาผิดซะแล้ว พวกคุณต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการเปิดเพลงให้พวกเขาด้วย”

แต่ค่ายเพลงต่างๆก็ยังคงแบ่งมิวสิกวิดีโอบางส่วนให้กับ MTV ฟรีแต่ก็มีแต่ศิลปินที่ไม่ค่อยจะดังเท่านั้น แต่สำหรับศิลปินดังๆบางคน MTV ก็ยังคงต้องจ่ายค่าสิทธิ์ในการเปิดเพลงอยู่ดี  
  เมื่อ MTV ถึงเวลาเปิดฉายจริง MTV เลือกที่จะเปิดตัวครั้งแรกพร้อมๆกับการกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบฉบับร๊อกแอนด์โรลว่า “ขอเชิญท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีมา ร๊อกแอนด์โรลกัน” พร้อมๆกับเปิดมิวสิกวิดีโอ เพลง “Video Killed the Radio Star” ของ The Buggles โดยเริ่มฉายในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 2 สิงหาคม 1981 MTV ประสบ ความสำเร็จอย่างมากจากการเปิดเพลงข้ามวันข้ามคืน หลักฐานก็คือ ศิลปินระดับเกรดรองๆลงไป กลับดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะศิลปินอย่าง Adam Ant และ Billy Idol ที่ถูกเปิดในสถานีวิทยุน้อยมาก แต่ MTV กลับช่วยให้ทั้งคู่ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว Billy กล่าวถึงปรากฎการณ์ครั้งนั้นว่า

“พวกสถานีวิทยุไม่ยอมเปิดเพลงของผมเลย เพราะมองทรงผม ฟั๊งค์ร๊อก หัวแหลมเปี๊ยบของผม ก็ไม่อยากเปิดเพลงของผมแล้ว แต่หลังจากที่ MTV เริ่ม ออนแอร์ เด็กๆก็เริ่มร้องเพลงผมได้ พวกสถานีจึงเริ่มหันมาเปิดเพลงของผม เกิดมาผมไม่เคยแตะอันดับเพลงชาร์ตกับชาวบ้านเค้าเลย แต่เผลอแผล๊ปเดียว ผมก็มีตั้ง 10 อัลบั้มที่แตะชาร์ต มันมหัศจรรย์มาก และไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อผมเดินไปตามท้องถนน ผู้คนจะตะโกนร้องว่า “เฮ้ย Idol ๆๆๆ”” หลังจากนั้น ค่ายเพลงต่างๆก็เริ่มเปิดใจยอมรับ MTVมากขึ้น


การกระตุ้นของ MTV
  เมื่อผ่านปีแรกแห่งความยากลำบากไปได้ แต่โฆษณายังคงไม่เข้ามากนัก นั่นเป็นเพราะว่า ยอดผู้ชมรายการยังคงต่ำกว่า 2 ล้านคน พอเข้าปีที่ 2 MTV ก็เริ่มกระตุ้นแบรนด์ด้วยการออกแบบแคมเปญโฆษณาแล้วนำนักร้องระดับซูเปอร์สตาร์มาพูดว่า

“ผมต้องการ MTV” โดยเลือกจะออกโฆษณาไปยังช่องเคเบิลที่ไม่ใช่ MTV โดยซูเปอร์สตาร์คนแรก คือ Mick Jagger ถัดมาก็ยังมีอีกหลายคน เช่น David Bowie สิ่งเหล่านี้ทำให้ยอดขายโฆษณาพุ่งขึ้นไปแตะที่ 2 ล้านเหรียญทันที ถือเป็นกรณีศึกษาด้าน Awareness ที่ดีที่สุด เพราะก่อนออกแคมเปญนี้ ผลการสำรวจผู้คนที่รู้จัก MTV มีแค่ 20% เท่านั้น แต่พอออกแคมเปญไป ผู้คนกลับรู้จัก MTV ถึง 89 % นอกจากนี้ ยังสร้างกระตุ้นโดยการจัดแข่งขันเพื่อชิงรางวัลการ “ใช้ชีวิตสุดสัปดาห์”กับ Van Halen อีกด้วย
  การกำเนิดของการฉายมิวสิกวิดีโอนี้ยังช่วยให้ Michael Jackson ได้โชว์ลีลาการเต้นซึ่งช่วยให้เพลง Billie Jean ในอัลบั้ม Thriller มียอดขายมากกว่า 800,000 อัลบั้มต่อสัปดาห์อีกด้วย สิ่งนี้เองที่เป็นสัญญาณเตือนว่า อุตสาหกรรมเพลงกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจากการมาของ MTV ต่อมา Michael Jackson เปิดตัวเพลง Night of the living Dead ซึ่ง Michael ต้องแต่งตัวเหมือนซอมบี้ MTV มือไวรีบซื้อสิทธิฉายก่อนเป็นคนแรก โดยได้รับสิทธิเล่น 3 ครั้งต่อวันด้วยจำนวนเงิน 250,000 เหรียญ ส่งผลให้อัลบั้ม Thriller ของ Michael ยอดขายพุ่งทำลายสถิติยอดขายตลอดกาลทันที ถัดมาก็ยังมี Madonna อีกคนที่ใช้มิวสิกวิดีโอผลักดันให้ยอดขายพุ่งอย่างฉุดไม่อยู่ และทำให้ทั้งคู่กลายเป็น ราชาและราชินีเพลงป๊อป
  พอปี 1984 เรตติ้งจาก AC Neilsen ชี้ว่า MTV มีโฆษณามากกว่าเฉลี่ยของช่องเคเบิลทั่วไป รายรับปีนี้พุ่งขึ้นมากกว่า 223 % จากปีก่อน ยอดผู้ชมพุ่งไปถึง 21 ล้านครัวเรือน และกลับมาทำตัวเลขเขียวครั้งแรกที่กำไร 3.4 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ทุกวันนี้ MTV กลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเพลงในประเทศสหรัฐไปโดยปริยาย

รูปแบบและรายการ
รูปแบบรายการตอบสนองไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของเอ็มทีวีไทยแลนด์คือวัยรุ่นกินอาณาเขตตั้งแต่วัย รุ่นตอนต้น-ตอนปลาย อายุตั้งแต่ 12-25 ปี และกลุ่มเป้าหมายรองคืออายุตั้งแต่ 25-35 ปี[13] โดยมีรูปแบบรายการในส่วนของดนตรี เพลง ศิลปิน ภาพยนตร์ ไลฟ์สไตล์ และรายการเรียลลิตี้โชว์

รายการสด
เอ็มทีวีไทยแลนด์มีรายการสดอยู่ 3 รายการ
• เอ็มทีวีอาฟเตอร์สกูล ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 18.00-19.00 น.

ัดรายการโดย วีเจภูมิ และ วีเจนิกกี้
• เอ็มทีวีไทยแลนด์ฮิตลิสต์ ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 20.00-21.00 น. เป็นรายการรีเควสต์เพลงไทยโดยเลือกจาก 60 อันดับที่มีให้มา จัดรายการโดยวีเจอเล็กซ์[14]
• เอ็มทีวีแฟสต์ฟอร์เวิร์ด ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 21.00-22.00 น.เป็นรายการกึ่งทอล์คโชว์ มีรายงานข่าวสารแวดวงดนตรี และ ฮอลลีวู้ด มีหัวข้อเกี่ยวกับภาพยนตร์โดยเฉพาะในวันศุกร์ จัดรายการโดยวีเจเจย์

รายการเฉพาะทาง
 
วีเจเจน ในรายการ MTV On The Rock
รายการที่เสนอแนวดนตรีแต่ละประเภทต่างๆ เช่น เอ็มทีวีออนเดอะร็อก เป็นรายการเพลงร็อกตั้งแต่แนวฮาร์ดคอร์ เฮฟวี่เมทัล จัดรายการโดยวีเจเจน เอ็มทีวีเดอะครีม รายการเพลงร็อกทันสมัย เพลงร็อกฝั่งอังกฤษ อัลเทอร์เนทีฟ[16] เอ็มทีวีเอเชียดีไลต์ รายการเพลงเอเชีย เปิดเพลงหลายๆ ประเทศในเอเชีย ตั้งแต่ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน เป็นต้น จัดรายการโดยวีเจนิกกี้ ดาฮิป รายการเพลงแนวฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ไม่มีวีเจ[17] เอ็มทีวีสปินน์ รายการเพลงแด๊นซ์ เต้นรำ ทันสมัยที่เปิดในคลับ และ เอ็มทีวีชิลล์เอาต์ เปิดเพลงแนวชิลล์เอาท์ ผ่อนคลาย

อื่นๆ
รายการโดยส่วนใหญ่ จะเปิดมิวสิกวิดีโอโดยไม่มีวีเจ ส่วนรายการที่แนะนำเพลงใหม่ประจำสัปดาห์คือรายการ เอ็มทีวีเดบิวต์ นอกจากนั้นยังมีการจัดอันดับเพลงตามยอดการขอและยอดการเปิดออกอากาศจากทุกๆ รายการในรายการ เอ็มทีวีชาร์ท [18]
เอ็มทีวีไทยแลนด์ยังมีรายการนำเสนอข่าวออกอากาศทุกวัน ความยาวประมาณ 10 นาที ในรายการ เอ็มทีวีบัซซ์ [19] และยังมีรายการเกี่ยวกับภาพยนตร์ คือรายการ เอ็มทีวีสกรีน

รายการต่างประเทศ

8th & Ocean หนึ่งในรายการเรียลลิตี้ทางเอ็มทีวีไทยแลนด์
เอ็มทีวีไทยแลนด์ได้นำเสนอรายการจากต่างประเทศทั้งฝั่งอเมริกา ยุโรปและเอเชีย โดยรายการจากอเมริกาส่วนใหญ่เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์ เช่น รายการ พิมป์มายไรด์ เป็นรายการที่แรกเดิมพิธีกรคือ เอกซ์-ซิบิต เป็นรายการนำรถเก่าจากคนทางบ้านมาแต่งใหม่[20] ได้รับความนิยมอย่างมากจนมีเวอร์ชัน เอ็มทีวีพิมป์มายไรด์อินเตอร์เนชันแนล และ พิมป์มายไรด์ยูเค ส่วนรายการที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ พังก์’ด มีพิธีกรคือ แอชตัน คุชเชอร์ ที่สร้างสถานการณ์กลั่นแกล้งคนดัง เป็นรายการประเภทซ่อนกล้อง มีดาราที่ถูกกลั่นแกล้งเช่น จัสติน ทิมเบอร์เลคเอค่อนโจส สโตน เป็นต้น และมีรายการประเภทซ่อนกล้องอีกรายการที่ยั่วโมโหคน คือรายการ บอยลิงพอยต์
รายการเรียลลิตี้โชว์ มีอยู่หลายรายการทั้งเรียลลิตี้โชว์คนดังอย่าง ดิแอชลีซิมป์สันโชว์ ดิออสบอร์นส และ นิวลีเวดส์: นิกแอนด์เจสสิกา ไลฟ์ออฟไรอัน และ รายการประเภทนัดบอดมีอยู่หลายรายการ เช่น รูมไรเดอร์ส เอ็มทีวีสกอร์ ส่วนรายการเรียลลิตี้ประเภทกึ่งสารคดี เช่น เอ็มทีวีทรูไลฟ์ และ เอตธ์แอนด์โอเชียน เป็นต้น ยังมีรายการประเภทแอนิเมชัน เช่น แวส์มายด็อกแอต? และ อูซาวิช เป็นต้น
ส่วนรายการที่ผลิตจากเอ็มทีวี เอเชีย ส่วนใหญ่จะเป็นรายการเพื่อสนับสนุน ศิลปินประจำเดือน เช่น เอ็มทีวีแอสก์ ไฟฟ์ติงส์ยูนีดทูโนว์ ท็อปเทนเฟเวอริตส์ เป็นต้น
รายการประเภทการแจกรางวัล ในเอ็มทีวีแต่ละภูมิภาคมักจะมีมอบรางวัลให้กับศิลปิน มิวสิกวิดีโอ
ภาพยนตร์ คือ


• เอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดส (MTV Asia Awards)
• เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส (MTV Video Music Awards)
• เอ็มทีวี มูวี่ อวอร์ดส (MTV Movie Awards)
• เอ็มทีวี ยุโรป มิวสิก อวอร์ดส (MTV Europe Music Awards)
• เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส เจแปน (MTV Video Music Awards Japan)
• เอ็มทีวี ออสเตรเลีย วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส (MTV Australia Video Music Awards)
• เอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ด ลาติน อเมริกา (MTV Video Music Awards Latin America)

กลยุทธ์การตลาด

  เพื่อรักษาจุดยืนการเป็นแบรนด์แรกในใจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของประชากรชาว Gen. Y เอาไว้ให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Gen. Y ทีม MTV’s Youth Trends Monitor ที่มีหน้าที่เกาะติด ศึกษา ตีความ และ เผยแพร่ ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของวัยรุ่นอย่างใกล้ชิดและจริงจัง จึงจัดทำ ”MTV Switched On” หนังสือรายงานความเป็นไปของวัยรุ่นขึ้น โดยในรายงานแต่เล่มซึ่งจะออกมาทุกๆ ฤดูนั้นจะครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับ ดนตรี สไตล์ ไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยี และ ประเด็นร้อนต่างๆ ที่กำลังฮิตติด Y ชาร์ตทั่วโลกอยู่ในฤดูนั้น นอกจากนั้น MTV ทั่ว โลกก็ให้ความสำคัญกับความเปลี่ยนไปของผู้รับสารหลักของเขาด้วยการปรับปรุง รายละเอียดของหลายๆ โปรแกรมให้ลงลึกในเชิงข้อมูลเพื่อการนำไปใช้ได้จริงมากขึ้น เช่น เปลี่ยนจากการนำเสนอแฟชั่นโชว์ และวันว่างของดาราดังไปเป็นการสอนจัดแต่งห้อง และ เลือกซื้อชุดเต้นรำที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้เนื้อหานั้นเหมาะสมและตรงกับสิ่งที่ผู้รับสารชาว Gen Y ต้องการดู ซึ่งก็คืออะไรที่ Practical และมีประโยชน์ต่อตัวเองนั่นเอง

 
MTV 
2008 Rank: 52 
2008 Brand Value (Millions): $ 7,193
Parent Company: MTV…. United States